ในพิธีแต่งงานแบบไทยจะมีขั้นตอนหลักใหญ่ที่จะต้องใช้ฤกษ์มงคลอยู่ 4 ขั้นตอน ได้แก่ พิธีสูู่ขอ พิธีหมั้น พิธีรดน้ำสังข์ (หลั่งน้ำพระพุทธมนต์) พิธีส่งตัวเข้าหอ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการแต่งงานแบบไทย ที่มีความงดงามที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมของไทยแท้ ๆ วันนี้ อ.ชัญ มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนในการใช้ฤกษ์มงคลสำหรับพิธีแต่งงาน ว่ามีขั้นตอนและวิธีการใช้อย่างไรมาฝากกันค่ะ
1. พิธีสงฆ์
2. พิธีจัดตั้งและแห่ขบวนขั้นหมาก (ใช้ฤกษ์มงคลประกอบ)
3. พิธีกั้นประตูเงิน ประตูทอง
4. พิธีสู่ขอ และตรวจนับสินสอด หรือที่เรียกว่าพิธีปูเรียงสินสอดนั่นเอง
5. พิธีสามแหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงาน (ใช้ฤกษ์มงคลประกอบ)
6. พิธีรับไหว้ผู้ใหญ่
7. พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ หรือพิธีรดน้ำสังข์ (ใช้ฤกษ์มงคลประกอบ)
8. พิธีส่งตัว หรือพิธีปูที่นอน (ใช้ฤกษ์มงคลประกอบ)
พิธีสงฆ์เป็นพิธีการแรกเพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลในงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว ที่ถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานเพื่อจะอำนวยอวยพรให้คู่บ่าวสาวอยู่กันอย่างมีความสุข สำหรับการประกอบพิธีกรรมทางสงฆ์มีขั้นตอน ได้แก่ เมื่อพระสงฆ์มาถึงและนั่งที่อาสน์แล้ว คู่บ่าวสาวจะจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล และรับศีล 5 จากนั้นพระสงฆ์ จะเจริญสูตรคาถาอันเป็นมงคล พร้อมทำน้ำมนต์สำหรับใช้ในพิธี แล้วต่อด้วยการตักบาตร ในกรณีเริ่มพิธีสงฆ์ในช่วงเช้าแล้วต่อด้วยการถวายสังฆทาน หรือหากเป็นช่วงสายจะถวายสังฆทานแล้วจึงถวายภัตราหารเพล หรืออาจจัดเป็นปิ่นโตอาหารถวาย พร้อมดอกไม้ ธูป เทียน ปัจจัย เครื่องไทยธรรม หลังจากนั้นพระสงฆ์จะเจริญชัยมงคลคาถา พร้อมประพรมน้ำมนต์ให้เพิ่มความเป็นสิริมงคลจึงเป็นอันเสร็จพิธีสงฆ์ ซึ่งพิธีสงฆ์สามารถจะปรับเปลี่ยนไปไว้หลังการแห่ขันหมากในตอนเช้าก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการของคู่บ่าวสาวแต่ละคู่
ในปัจจุบันนิยมจัดพิธีหมั้นและพิธีแต่งในวันเดียว ดังนั้น จึงมีการรวบรัดเอา ขันหมากหมั้น และ ขันหมากแต่ง เข้าไว้ด้วยกัน โดยจะที่มีทั้ง ขันหมากเอก และ ขันหมากโท และเมื่อตั้งขบวนขันหมากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่จะมีขบวนกลองยาวนำหน้าเพื่อสร้างความครึกครื้น ตามด้วยขบวนขันหมากเอก-ขันหมากโท โดยขั้นตอนนี้ต้องให้เจ้าสาวเตรียมตัวรอขันหมากบนบ้าน ส่วนเจ้าบ่าวก็จะไปบริเวณที่จัดขบวนขันหมากเตรียมตัวรอฤกษ์เคลื่อนขบวนมาบ้านเจ้าสาว จากนั้นเมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาว ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงไปต้อนรับพร้อมกับให้เด็กหญิงถือพานหมากที่จัดเป็นจำนวนคู่ไว้สำหรับไว้ต้อนรับ จากนั้นขบวนขันหมากก็จะเตรียมตัวเข้าไปในบ้าน ซึ่งจะต้องผ่านด่าน ประตูทั้ง 3 คือ ประตูนาก ประตูเงิน และประตูทอง โดยเจ้าบ่าวจะเตรียมซองไว้ เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนขอผ่านประตู หลังจากนี้ถือเป็นพิธีการช่วงต่อไป
วิธีการใช้ฤกษ์ : จะพิจารณาว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายหาฤกษ์ให้ยึดตามฝ่ายนั้น ถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นฝ่ายหาฤกษ์จะใช้ฤกษ์ออก คือเป็นเวลาที่เจ้าบ่าวเคลื่อนขบวนแห่ขันหมากไปยังบ้านเจ้าสาว เวลาที่เริ่มเคลื่อนที่ขบวนแห่ขันหมากควรอยู่ในฤกษ์มงคล สำหรับฝ่ายเจ้าสาวจะใช้ฤกษ์เข้า โดยจะถือเอาเวลาที่ขันหมากเข้าสู่บ้านเจ้าสาวเป็นหลัก เวลาที่ให้เจ้าบ่าวผ่านเข้าบ้านเจ้าสาว หรือถ้าหากจัดในโรงแรมก็เป็นจุดที่ผ่านการกั้นประตูเงินประตูทองด่านสุดท้ายก่อนที่จะถึงตัวเจ้าสาว ควรอยู่ในฤกษ์มงคล
เมื่อขบวนขันหมากของฝ่ายเจ้าบ่าวเดินทางมาถึงบ้านของฝ่ายเจ้าสาว บรรดาญาติของฝ่ายเจ้าสาวจะมาช่วยกันกั้นประตูเงินประตูทอง เพื่อเรียกค่าเปิดทางจากฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนผู้ที่กั้นประตูจะถือสายสร้อยทอง สายสร้อยเงิน หรือผ้าแพรคนละด้าน เพื่อกั้นไม่ให้ขบวนผ่านไปได้ ซึ่งถ้าอิงประเพณีหลักดั้งเดิมก็จะมีประตูหลัก ๆ 3 ประตู คือ ประตูนาก ประตูเงิน ประตูทอง (จะเรียกประตูชัย ประตูเงิน และประตูทองก็ได้เช่นกัน) โดยฝ่ายชายจะต้องเจรจาขอผ่านทาง และต้องให้ซองใส่เงิน ให้แก่ผู้กั้นประตู หลังจากผ่านประตูทุกด่านเรียบร้อยแล้ว จะมีเด็กหญิงญาติของฝ่ายหญิงเตรียมล้างเท้าให้กับเจ้าบ่าว จากนั้นฝ่ายหญิงจะจัดเด็กผู้หญิงถือพานหมากพลูไว้รอเชิญขบวนขันหมากขึ้นเรือน ซึ่งเจ้าบ่าวต้องเตรียมซองเงินไว้เป็นรางวัลด้วยเช่นกัน
เมื่อฝ่ายเจ้าสาวรับขบวนขันหมากเสร็จเรียบร้อยแล้ว พิธีการต่อไปก็คือการนำของจากขบวนขันหมากมาจัดวางเรียงกัน จากนั้นเฒ่าแก่ฝ่ายชายจะเริ่มการเจรจาสู่ขอ เมื่อตกลงยินยอมยกลูกสาวให้ ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะนำพานสินสอดออกมาเปิด เพื่อเข้าสู่พิธีนับสินสอด และจัดวางอยู่บนผ้าแดงหรือผ้าเงินผ้าทอง แล้วทำทีเป็นตรวจนับตามธรรมเนียม ซึ่งตามประเพณีโบราณให้ใส่เกินจำนวนไว้เล็กน้อย เพื่อเป็นเคล็ดว่าคู่บ่าวสาวอยู่ด้วยต่อไปเรื่อย ๆ จะมีเงินงอกเงย ทั้งนี้ หลังจากนับสินสอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะช่วยกันโปรยถั่ว งา ข้าวเปลือก ข้าวตอก ดอกไม้ ใบเงิน ใบทอง ที่บรรจุมาในพานขันหมากเอกลงบนสินสอด ต่อมาแม่ของเจ้าสาวจะห่อสินสอดด้วยผ้า แล้วแบกขึ้นไว้บนบ่าตามประเพณี
หลังจากที่ได้นับสินสอดกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลาฤกษ์อันเป็นมงคลตามที่กำหนด ฝ่ายเจ้าบ่าวจะทำการสวมแหวนหมั้นให้ฝ่ายเจ้าสาว จากนั้นฝ่ายหญิงไหว้พร้อมกับสวมแหวนแลกกับฝ่ายชาย เมื่อสวมแหวนเสร็จมักจะมีการถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก และรอเวลาที่จะประกอบพิธีสำคัญต่อไป
วิธีการใช้ฤกษ์ : เวลาสวมแหวนหมั้นควรจะสวมอยู่ในเวลาของฤกษ์มงคล
สำหรับการทำพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร เริ่มจากบ่าวสาวจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นไปนั่งที่ตั่งเพื่อทำพิธีรดน้ำสังข์ ซึ่งเจ้าสาวต้องนั่งด้ายซ้ายของเจ้าบ่าวเสมอ ประธานในพิธีคล้องพวงมาลัย สวมมงคลแฝดบนศีรษะของบ่าวสาว พร้อมกับเจิมที่หน้าผากมงคลแฝด และแป้งเจิมที่นำมาใช้นั้นเป็นของที่ได้ผ่านพิธีมงคลมาเรียบร้อย จากนั้น ประธานหลั่งน้ำอวยพรให้บ่าวสาว ตามด้วยพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ผู้ร่วมงานที่เป็นผู้ใหญ่ และเชิญแขกอื่นๆ เข้ารดน้ำตามลำดับความอาวุโส
วิธีการใช้ฤกษ์ : เวลาที่ประธานในพิธีสวมมงคลและรดน้ำควรจะอยู่ในฤกษ์มงคล แต่คนอื่นๆ ที่รดน้ำต่อจากประธานไม่จำเป็นต้องอยู่ในช่วงฤกษ์มงคลก็ได้
หลังเสร็จพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพรจะเป็น พิธีรับไหว้ หรือ พิธีไหว้ผู้ใหญ่ เพื่อเป็นการฝากเนื้อฝากตัวของคู่บ่าวสาว การไหว้พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่นั้น คู่บ่าวสาวต้องก้มกราบ 3 ครั้ง ส่วนญาติคนอื่นให้กราบครั้งเดียวโดยไม่ต้องแบมือ เมื่อก้มกราบแล้วจึงส่งพานธูปเทียนให้ผู้ใหญ่ ท่านจะรับไหว้และผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือคู่บ่าวสาว พร้อมกับให้พรและใส่ซองเงิน หรือของมีค่าอย่างอื่นลงบนพานให้ไว้เป็นเงินทุนในการสร้างครอบครัว เสร็จจากขั้นตอนนี้ก็จะเป็นพิธีเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในตอนเย็นค่ะ
ถือเป็นพิธีสำคัญในช่วงสุดท้าย ส่วนใหญ่มักจะทำกันตอนกลางคืน โดยผู้ใหญ่จะนำเจ้าสาวมาส่งตัวเข้าหอ ซึ่งเจ้าบ่าวจะมารออยู่ที่ห้องหอก่อนแล้ว ส่วนสำคัญของพิธีนี้จะอยู่ที่คู่ผู้ใหญ่ที่จะมาทำพิธีปูที่นอน ก่อนที่จะพาเจ้าบ่าวเข้ามาในห้องหอแล้วเจิมหน้าผาก และนำตัวเจ้าสาวเข้ามา โดยที่เจ้าสาวจะต้องกราบพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของตัวเองเพื่อเป็นการขอพร และเมื่อเจ้าสาวเข้ามาในห้องแล้ว แม่เจ้าสาวต้องเป็นคนพามามอบให้กับเจ้าบ่าว พร้อมพูดจาฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกสาวด้วย จากนั้นจะกล่าวให้โอวาทเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ ในขั้นตอนนี้ธรรมเนียมบางท้องถิ่นจะให้พ่อแม่เจ้าสาวเป็นผู้กล่าวก็สามารถทำได้เช่นกัน
ส่วนพิธีร่วมเรียงเคียงหมอน หรือพิธีปูที่นอนนั้น จะเริ่มจากการจัดปูที่นอนในห้องหอ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของคู่บ่าวสาวในอนาคต เนื่องจากพ่อแม่จะเชิญผู้ใหญ่คู่สามีภรรยาที่มีครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมมาช่วยปูที่นอนให้ เพื่อถือเคล็ดให้คู่บ่าวสาวจะได้มีชีวิตคู่ที่ดี โดยที่ผู้ใหญ่ที่ทำพิธีปูที่นอนนี้จะต้องอาบน้ำให้สะอาด แต่งตัวเรียบร้อย แล้วจึงเข้ามาในห้องหอ เพื่อจัดเรียงหมอน 2 ใบ แล้วปัดที่นอนพอเป็นพิธีจากนั้นจัดวางข้าวของประกอบพิธีลงบนที่นอน ได้แก่ หินบดยาหรือหินก้อนเส้า, ฟักเขียว, แมวคราว (แมวตัวผู้ที่อายุมากแล้ว), พานใส่ถุงข้าวเปลือก งา ถั่วทองหรือถั่วเขียว และขันใส่น้ำฝนมาประกอบพิธีอีกด้วย ซึ่งถือเป็นอันเสร็จพิธี หลังจากทำพิธีการส่งตัวแล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวสามารถออกจากห้องได้ค่ะ
วิธีการใช้ฤกษ์ : เวลาที่พ่อแม่ของเจ้าสาวส่งตัวเจ้าสาวแก่เจ้าบ่าว และพูดจาฝากฝังจำเป็นต้องอยู่ในช่วงฤกษ์มงคล
พิธีการเหล่านี้เป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานที่สืบทอดต่อกันมา เพื่อความเป็นสิริมงคลของตัวคู่บ่าวสาว การใช้ชีวิตคู่จำเป็นจะต้องมีอีกหลายสิ่งที่ควรยึดมั่นทั้งความซื่อสัตย์ ความเข้าใจ รวมถึงการให้อภัย ที่จะทำให้ชีวิตคู่ของคุณกลายเป็นครอบครัวที่มีความสุขและสมบูรณ์แบบ แต่เห็นวิธีการขั้นตอนแล้วไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะคะ สำหรับการจัดงานแต่งงาน ซึ่งสิ่งสำคัญของงานแต่งงาน คือ การดูฤกษ์แต่งงานเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้มีเวลาในการจัดจองโรงแรม และเตรียมการด้านอื่นๆเพื่อวันพิธีจะได้ดำเนินพิธีให้ผ่านลุล่วงไปด้วยดี และไม่มีเรื่องติดขัดค่ะ